Stemcell สเต็มเซลล์บำบัดชะลอวัย และรักษาโรคต่างๆ
Stemcell สเต็มเซลล์ หรือเซลล์ต้นกำเนิด นิยมนำไปใช้อย่างแพร่หลายในด้านผลิตภัณฑ์เสริมความงาม ซึ่งถือได้ว่าเป็นที่สุดของวงการแพทย์ในทุกแขนงหนึ่งเลยก็ว่าได้ ด้วยนวัตกรรมการรักษาที่ก้าวล้ำและมีที่มาที่ไปอย่างน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะวงการแพทย์ผิวหนังและความงามนั่นเป็นเพราะ Stemcell สามารถช่วยชะลอความแก่ ความชรา ของคนเราได้นั่นเองและไม่เพียงแต่ช่วยในเรื่องความสวย ความงาม แต่สามารถช่วยในเรื่องความเสื่อมโทรมของร่างกายมนุษย์เราอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการซ่อมแซมข้อเข่าหรืออาการผมร่วงที่ก่อเกิดปัญหาให้กับคนเรา
โดยปกติคนเราจะมีสเต็มเซลล์ที่ช่วยซ่อมแซมภายในร่างกายของเราอยู่แล้ว แต่การซ่อมแซมนั้นอาจจะไม่สมบูรณ์ เมื่อเราอายุมากขึ้นปริมาณสเต็มเซลล์และคอลลาเจนของคนเราก็ลดลงอยู่ตลอดเวลา เม็ดสีส่วนเกินถูกขจัดได้ช้าลง ผิวหนังบาง แพ้ง่าย นำไปสู่ปัญหาริ้วรอย ร่องลึก ฝ้า กระ สิ่งเหล่านี้เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า เรากำลังก้าวเข้าสู่ความชรา โดย สเต็มเซลล์ คืออะไร มีกี่ประเภท มีประโยชน์อย่างไรบ้าง วันนี้ winwinclinic จะพาไปศึกษากันค่ะ
สเต็มเซลล์ (Stemcell) คืออะไร
สเต็มเซลล์ (Stem Cell) คือ เซลล์ธรรมชาติที่มีลักษณะหลายเซลล์และอยู่ในสิ่งมีชีวิต ทั้งในมนุษย์ พืช รวมทั้ง สัตว์ เกือบทุกชนิด สเต็มเซลล์ประกอบด้วยหลายเซลล์ มีต้นกำเนิดมาจากเซลล์หนึ่ง โดยเริ่มต้นจากเซลล์เดียวที่มีการผสมพันธุ์ระหว่างเพศผู้และเพศเมีย พัฒนาไปเป็นหลายเซลล์และพัฒนาอีกไปเป็นอวัยวะ เซลล์ที่เป็นต้นกำเนิดของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดทั้งมวล เราเรียกว่า “สเต็มเซลล์”
สเต็มเซลล์ (Stemcell) ได้มาจากอะไรบ้าง ?
สเต็มเซลล์ที่ได้จากพืช (Plant Stem Cell) คือ สเต็มเซลล์ ที่อาศัยอยู่ในส่วนของเนื้อเยื่อหน่ออ่อน หรือรากอ่อน ซึ่งมีความสามารถในการแยกตัวแล้วจะเจริญเติบโตแบ่งเซลล์ไปเป็นเซลล์ใหม่ในส่วนของต้นไม้ทั้งต้น การนำเทคนิคการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อของต้นไม้มาใช้แพร่พันธุ์ของเซลล์ต้นกำเนิดพืช อาจใช้แพร่พันธุ์ต้นไม้ทั้งต้นหรือเฉพาะเซลล์เนื้อเยื่อบางส่วน ซึ่งมีประสิทธิภาพเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ สามารถป้องกันการทำลายเซลล์ จาก Hydrogen Peroxide ถ้านำสารสกัดจากสเต็มเซลล์ จากพืชมาใช้กับวงการความสวยความงามด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ มักจะรวมสเต็มเซลล์กับสารสกัดอื่นๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ได้ดีสูงสุดในเรื่องต่างๆ ดังนี้
- กระตุ้นการสร้าง Collagen ช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิว ลดรอยย่น ทำให้ริ้วรอยตื้นขึ้น
- ซ่อมแซมเซลล์ผิว
- ลดรอยย่น ทำให้ริ้วรอยตื้นขึ้น
- ลดจุดด่างดำและลดการสร้างเซลล์เม็ดสี ช่วยทำให้ใบหน้ากระจ่างใสขึ้น
- ช่วยอุ้มน้ำ เพื่อความชุ่มชื่นทำให้ผิวเรียบตึงกระชับ ลดริ้วรอย รอยลึกและร่องลึกของผิวช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์
- เป็นสารเริ่มต้นในการสร้าง Collagen ช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ ลดริ้วรอยที่เป็นร่องลึก ทำให้ผิวตึงกระชับ
- ช่วยลดการอักเสบของสิวและผิว
สเต็มเซลล์ที่ได้จากสัตว์ มีโครงสร้างเหมือนกันกับสเต็มเซลล์มนุษย์ และทำหน้าที่เช่นเดียวกัน เช่น embryonic stem cell ได้มาจากตัวอ่อนที่ปฏิสนธิแล้ว, bone marrow stem cell ได้มาจากไขกระดูก ซึ่งปัจจุบันได้มีการนำ stem cell มาใช้ในการรักษาโรคหลายอย่าง เช่น โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว รักษาอาการการบาดเจ็บของอวัยวะ โรคข้อเข่าเสื่อม โรคเบาหวาน เป็นต้น ส่วนในด้านความงามนั้น ก็มีการศึกษาวิจัยและนำ Stem cell มาใช้อย่างมากเช่นกัน โดยที่นิยมนำมาใช้ในปัจจุบัน คือ การเสริมความงามเพื่อรักษาผิวพรรณ โดยสามารถแบ่งได้เป็น 2 ชนิดตามแหล่งที่มาของเซลล์ว่ามาจากสัตว์ตัวเดียวกันหรือคนละตัว ได้แก่
- Autologous คือ เซลล์ต้นกำเนิดที่มีที่มาจากสัตว์ตัวนั้นเอง วิธีการนี้มักจะเป็นการเก็บเซลล์ไขมันบริเวณหน้าท้องของสัตว์ นำไปแยกและเพาะเลี้ยงเพื่อให้จำนวนตามต้องการแล้วนำกลับมาฉีดในสัตว์ตัวเดียวกันเพื่อผลการรักษา ข้อดีคือ ไม่มีปัญหาในเรื่องของการแพ้เพื่องจากเป็นเซลล์ของสัตว์ตัวเดียวกัน แต่ข้อจำกัดคือ ต้องการเก็บเนื้อเยื่อไขมันมาเพื่อแยกเอาเซลล์ ซึ่งในกรณีนี้มักจะต้องทำการวางยาสลบและทำการผ่าตัด ทำให้สัตว์ป่วยที่มีอายุมาก มีความเสี่ยงในเรื่องของการวางยาสลบสูง ไม่สามารถใช้ประโยชน์ของเสต็มเซลล์ได้
- Allogenic คือ เซลล์ต้นกำเนิดมีที่มาจากสัตว์คนละตัว วิธีการนี้ใช้ในกรณีที่มีข้อบ่งใช้ในการักษา ห้องปฏิบัติการจะนำเซลล์ที่ทำการเพาะเลี้ยงไว้แล้ว ทำการเตรียมเป็นสารละลายและนำกลับมาฉีดในสัตว์ป่วยที่ต้องการ ดังนั้นแม้ว่าสัตว์ป่วยที่ต้องการใช้เซลล์ต้นกำเนิดในการักษาจะมีอายุเยอะ มีความเสี่ยงต่อการวางยาสลบและผ่าตัดก็ไม่จำเป็นต้องเสี่ยง
สเต็มเซลล์ ที่ได้จากมนุษย์ มีดังนี้
สเต็มเซลล์จากเลือด ในเม็ดเลือดประกอบด้วยสเต็มเซลล์ ในปัจจุบัน เราพยายามนำสเต็มเซลล์จากเลือดมารักษา โดยการฉีดยาให้ไขกระดูกสร้างสเต็มเซลล์ หลังจากนั้น ก็ทำการใช้เครื่องเก็บสเต็มเซลล์ และนำกลับมาฉีดเข้าไปใหม่ ยกตัวอย่าง การศึกษาในกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ต้องตัดขา การใช้สเต็มเซลล์รักษานั้น ทำให้ประมาณ 90% ไม่ต้องตัดขา และยังสามารถทำให้แผลหายได้ ซึ่งเป็นการตอบสนองผลการรักษาที่ค่อนข้างดี
สเต็มเซลล์จากไขกระดูก ในไขกระดูกของมนุษย์ มีหลายเซลล์ประกอบกัน หนึ่งในนั้นก็มีสเต็มเซลล์ไขกระดูกด้วยการเจาะเข้าไปในกระดูกและดูดส่วนของเลือดออกมา จะได้สเต็มเซลล์จากไขกระดูก ซึ่งปรากฏว่าสามารถตอบรับได้ดีในการรักษาโรคหลายๆโรค เช่น โรคหัวใจ โรคตับ โรคไขสันหลัง และโรคชรา
สเต็มเซลล์จากรก มาจากส่วนของสายสะดือ จากรก จากน้ำคร่ำ ซึ่งสามารถสกัดนำมาใช้เป็นประโยชน์ในการรักษาได้ สเต็มเซลล์ชนิดที่เหมาะแก่การปลูกถ่ายในผู้ป่วยเพื่อการรักษา เรียกว่า “มีเซนไคม์” ในต่างประเทศ ได้แยก “มีเซนไคม์” ให้มีความบริสุทธิ์ ซึ่งจะทำให้สามารถปลูกถ่ายให้กับใครก็ได้ ทั้งนี้ ในปัจจุบัน มีการแยกสเต็มเซลล์จากน้ำคร่าแล้ว เพื่อใช้ในการรักษาโรค เช่น โรคอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน โรคเบาหวาน และโรคเลือด
จากที่ได้กล่าวมา อาจทำให้ทุกคนทราบกันดีว่าสเต็มเซลล์แต่ละชนิดมีข้อแตกต่างกันอย่างไรไม่ว่าจะช่วยรักษาโรคบางกลุ่ม บางชนิดหรือภาวะต่างๆ ที่เกิดจากความเสื่อมได้อีกด้วย รวมถึงการเสริมความสวยความงามบนใบหน้า การที่เราเพิ่มปริมาณสเต็มเซลล์ใหม่ที่มีคุณภาพสูงและสด ที่ยังมีชีวิตอยู่ (Live Stem Cell) จะทำหน้าที่ช่วยกระตุ้นให้เซลล์ซ่อมแซมตัวเองได้อย่างรวดเร็ว เปรียบเหมือนเป็นยาหลั่งสารอายุวัฒนะนั่นเอง ซึ่งเหมือนกับเซลล์ผิวเด็กที่จะช่วยให้ผิวพรรณกระจ่างใส ดูอ่อนกว่าวัย ลดริ้วรอย ความหมองคล้ำ บำบัดชะลอวัย หน้าเด็ก โดยประโยชน์ของสเต็มเซลล์ (Stemcell) กับความงามมีมากมายหลายส่วน ดังนี้
1.สเต็มเซลล์ช่วยบำบัดชะลอวัย หน้าเด็ก (Anti-Aging)
ความชราเกิดจากปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก ซึ่งปัจจัยหลักประการหนึ่ง คือ ปริมาณสเต็มเซลล์ถูกทำลายมากกว่าการสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาทดแทนเมื่ออายุมากขึ้น นอกจากนี้ความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชันที่เกิดจากอนุมูลอิสระที่สร้างขึ้นในร่างกายของเราเมื่ออายุมากขึ้นก็เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของความชราเช่นกัน ทำให้ความสมดุลภายในเริ่มเสีย รวมทั้งการแสดงออกทางผิวหนังและริ้วรอยต่างๆ จึงได้มีการพัฒนาสเต็มเซลล์ขึ้นมาในรูปแบบต่างๆ เพื่อใช้ในการซ่อมแซมหรือฟื้นฟูความอ่อนเยาว์ให้ผิวกลับมาดูเปล่งปลั่ง สดใส เป็นหนุ่มเป็นสาวอีกครั้ง
ประโยชน์และข้อดีของการบำบัดชะลอวัย หน้าเด็กด้วยการใช้สเต็มเซลล์ (Stemcell)
1.ช่วยในเรื่องของผิวพรรณให้เนียนเรียบ อ่อนนุ่ม ชุ่มชื้น ฉ่ำวาว คืนความกระชับเต่งตึงให้ผิวและชะลออายุผิว
- สามารถนำไปซ่อมแซมเซลล์ผิวให้ดีขึ้นได้ โดยสามารถชะลอวัย เช่น รักษาหลุมสิว รักษาฝ้า ทำให้หน้าใส เป็นต้น
- ช่วยในการลดริ้วรอย ลบรอยแผลเป็น ลดกระฝ้า ลดเม็ดสี สร้างคอลลาเจน สร้างเซลล์ใหม่ๆขึ้นมาฟื้นฟูผิวหน้าและร่างกายทำให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่ง ดูอ่อนเยาว์อย่างชัดเจน
- ซ่อมแซมเซลล์ผิว ฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพและเพิ่มความแข็งแรงให้กับผิวหนังชั้นหนังแท้ (dermis)
- เพิ่มเซลล์ Fibroblasts และกระตุ้นการทำงานของสาร growth factor และ cytokines ซึ่งเซลล์และสารเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินให้กับผิวหนัง พร้อมทั้งช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นและไม่หยาบกระด้าง
- กระตุ้นการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ
2.สเต็มเซลล์ช่วยบำบัดรักษาบริเวณ “เข่า”
ปัญหาข้อเข่าเสื่อม เกิดขึ้นได้กับทุกคนและพบได้บ่อยในผู้สูงอายุ ส่งผลให้คุณภาพการใช้ชีวิตลดลงไม่สามารถทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การวิ่งออกกำลังกายและเดินเป็นระยะเวลานานๆ เนื่องจากอาการเจ็บเข่าและมีเสียงเข่าลั่นอยู่บ่อยครั้ง ทำให้ต้องทานยาแก้ปวดเป็นประจำ ซึ่งยาแก้ปวดสามารถส่งผลเสียโดยตรงกับตับและไต
ปัจจุบันมีการนำสเต็มเซลล์ที่ได้จากเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (Mesenchymal Stem Cells : MSCs) มาใช้บรรเทาอาการข้อเข่าเสื่อม พบว่าให้ผลการรักษาได้ค่อนข้างดี โดยการกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาทดแทนส่วนที่สึกหรอเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกระดูก และสามารถลดการใช้ยาแก้ปวด รวมทั้งการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า ช่วยยืดอายุเข่าได้อีกหลายปี ด้วยการใช้ “เซลล์ ซ่อม เซลล์” เนื่องจากสเต็มเซลล์จะเข้าไปซ่อมแซมและฟื้นฟูเนื้อเยื่อต่างๆ บริเวณเข่าที่เกิดการเสียหายให้กลับมาปกติได้อย่างปลอดภัย
หากข้อเข่าเสื่อมไม่มาก สเต็มเซลล์จะสามารถรักษาได้ดี คือ สเต็มเซลล์จะไปกระตุ้นเพื่อซ่อมแซมเนื้อเยื่อของกระดูกอ่อนที่เกิดการเสียหายให้กลับมาปกติ แต่ถ้าข้อเข่าเสื่อมมีอาการหนักก็จะต้องเติมสเต็มเซลล์หลายๆ ครั้ง เพราะสเต็มเซลล์จะค่อยๆ สร้างและซ่อมแซมส่วนที่เสียไป
ในการซ่อมแซมเซลล์กระดูกและข้อต่อที่เสื่อมสภาพ โดยการกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาทดแทนส่วนที่สึกหรอ ซึ่งเป็นการรักษาที่ต้นเหตุที่นอกจากจะช่วยฟื้นฟูร่างกายและช่วยฟื้นฟูกระดูกที่เกิดจากความเสื่อมแล้ว ยังช่วยฟื้นฟูอวัยวะทุกส่วนที่เกี่ยวข้องไปพร้อมๆ กันอีกด้วย
ประโยชน์และข้อดีของการบำบัดรักษาข้อเข่า ด้วยการใช้สเต็มเซลล์ (Stemcell)
- ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องรับความเสี่ยงและความเจ็บปวดจากการผ่าตัด
- สะดวก รวดเร็ว ใช้เวลาในการรักษาน้อยและใช้เวลาพักฟื้นน้อย (แนะนำให้ลดการใช้งานของข้อต่อบริเวณที่ทำการรักษาประมาณ ประมาณ 1-2 วัน)
- ผลการรักษายั่งยืนกว่า เนื่องจากเป็นการรักษาที่ต้นเหตุ โดยเซลล์ในร่างกายบริเวณข้อต่อและระบบต่างๆ จะมีความแข็งแรงขึ้น
- ลดอาการเจ็บปวดได้อย่างรวดเร็ว ทำให้คนไข้ไม่ต้องใช้ยาอีก ช่วยสร้างผิวข้อเข่าขึ้นใหม่ จึงให้ผลดีในระยะยาว
- ค่าใช้จ่ายเป็นครั้งอาจดูสูง แต่โดยรวมแล้วในระยะยาวต่ำกว่าการรักษาโดยทั่วไป
- ไม่ต้องรับประทานหรือใช้ยา เช่น ยาแก้ปวด ซึ่งจะมีผลข้างเคียง
- โอกาสในการเป็นซ้ำช้ากว่าหรือน้อยกว่าหากมีการดูแลและออกกำลังกายที่เหมาะสม รวมทั้งทำตามคำแนะนำของแพทย์เรื่องการปรับปัจจัยภายนอก เช่น ปรับท่านั่งและท่ายืนให้ถูกต้อง
- ผลข้างเคียงน้อยหรืออาจจะไม่มีเลย
- สามารถรักษาอาการข้อเข่าเสื่อมได้ตั้งแต่ในระยะเริ่มต้น เริ่มมีอาการ จนถึงระยะท้ายๆ เพื่อลดอาการเจ็บปวดและประคับประคองผู้ป่วย
ปัญหาเรื่องกระดูกและข้อเข่าที่สามารถดูแลได้ด้วยการใช้สเต็มเซลล์ (Stemcell)
- โรคข้อเสื่อม (Osteoarthtritis) เช่น ข้อเข่าเสื่อม ข้อสะโพกเสื่อม
- โรคการกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือ (Carpal Tunnel syndrome)
- อาการบาดเจ็บเรื้อรังที่กระดูกและข้อจากอุบัติเหตุ เช่น Tennis Elbow และข้อเท้าแพลง เป็นต้น
- Office Syndrome เช่น อาการปวดคอ ไหล่ หลังจากการนั่งทำงานเป็นเวลานาน หรือการนั่งเก้าอี้และโต๊ะที่ไม่สะดวกสบาย
- ข้ออักเสบอื่นๆ เช่น รูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis)
3.สเต็มเซลล์ช่วยรักษาเกี่ยวกับ “ผม”
สเต็มเซลล์ (Stem Cel)l สามารถนำมาใช้รักษาอาการผมร่วงจากกรรมพันธุ์ ฮอร์โมน ผมบาง หรืออยากเพิ่มความแข็งแรงของรากผมได้ โดยใช้วิธีการเก็บเนื้อเยื่อบริเวณหนังศีรษะขนาด 2.5 มม. จำนวน 3-5 ชิ้น และนำเข้าสู่กระบวนการคัดแยกและเพาะเลี้ยงเซลล์จนได้จำนวนที่ต้องการ
หลังจากนั้นก็นำมาฉีดลงบริเวณหนังศีรษะที่มีปัญหา เซลล์ที่เพราะเลี้ยงอย่างมีประสิทธิภาพจะเข้าไปซ่อมแซม ฟื้นฟูเซลล์รากผมที่เสียหายให้กลับมาแข็งแรงและไม่ทำให้เกิดอาการแพ้หรือผลข้างเคียงใดๆ เนื่องจากเซลล์ที่นำมาใช้เป็นของตัวลูกค้าเอง
ประโยชน์และข้อดีของการรักษาอาการผมร่วงด้วยการใช้สเต็มเซลล์ (Stemcell)
- ช่วยฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์ผิวหนัง
- ช่วยกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อและคอลาเจน
- ช่วยฟื้นฟูและรักษาปัญหาผมร่วง ผมบาง
- ช่วยเสริมให้ผลการปลูกผมมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- ช่วยให้แผลจากการผ่าตัดปลูกผมหายเร็วและมีแผลเป็นน้อยลง
- มีประสิทธิภาพสูง เห็นผลเร็ว
- มีความปลอดภัยสูง เพราะเป็นการฉีดเกล็ดเลือดที่ได้จากร่างกายตนเอง จึงมั่นใจได้ว่าไม่เกิดอาการแพ้
- ไม่ต้องผ่าตัดหรือเสียเลือด
- ไม่มีบาดแผล
- สะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องพักฟื้น
ข้อควรระวัง ก่อนการเก็บสเต็มเซลล์และฉีดสเต็มเซลล์เพื่อบำบัดชะลอวัย หน้าเด็ก รักษาข้อเข่า อาการผมร่วง
เนื่องจากการเก็บสเต็มเซลล์ คือการดำเนินการที่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก ดังนั้นจึงต้องมีการดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ผู้ดูแลอย่างเคร่งครัด
ซึ่งการรักษาจะปรับตามความต้องการใช้และอาจจะใช้แผนแตกต่างกันไปสำหรับผู้รับบริการแต่ละราย ซึ่งการใช้สเต็มเซลล์จะประสบความสำเร็จขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น อายุหรือ สภาพร่างกายทั่วไปของผู้เข้ารับบริการ เป็นต้น
สำหรับท่านที่สนใจสามารถสอบถามขอข้อมูลเพิ่มเติม หรือปรึกษาเบื้องต้นกับทีมอาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ชำนาญการมากความสามารถและประสบการณ์ของ WIN WIN CLINIC ได้ทุกสาขาใกล้บ้านคุณ ทั้ง 4 สาขา ได้แก่ กรุงเทพฯ ฉะเชิงเทรา ขอนแก่นและภูเก็ต (มีที่จอดรถบริการ สะดวกสบาย ทุกสาขา)